พบผลลัพธ์ทั้งหมด 548 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าบ้านและการเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนา ผู้เช่าหมดสิทธิคุ้มครองค่าเช่า
                        
                        เช่าบ้านอยู่ในจังหวัดธนบุรี แล้วย้ายไปรับราชการและไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเสียถึง 3 ปีคงมีบริวารอยู่ในบ้านเช่าเท่านั้นดังนี้  ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯเพราะไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นเสียหลายปีแล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การสิ้นสุดความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เมื่อผู้เช่าย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ต่างจังหวัดเป็นเวลานาน
                        
                        เช่าบ้านอยู่ในจังหวัดธนบุรี  แล้วย้ายไปรับราชการและไปมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเสียถึง  3  ปี  คงมีบริวารอยู่บ้านเช่าเท่านั้น  ดังนี้  ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม  พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า  ฯลฯ  เพราะไปมีภูมิลำเนาอยู่ทีอื่นเสียหลายปีแล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ข้อตกลงสืบพยานร่วมไม่ชัดเจน ศาลต้องวินิจฉัยตามสำนวนที่มีอยู่ การครอบครองที่ดิน
                        
                        โจทก์จำเลยตกลงสืบพยานร่วมปากเดียว  ถ้าพยานเบิกความว่าในการกู้ยืมได้ระบุที่พิพาทเป็นประกันเงินกู้  โจทก์ยอมแพ้  ถ้าไม่ได้ระบุที่รายพิพาทเป็นประกันเงินกู้แล้ว  จำเลยยอมแพ้  พยานเบิกความว่าในการกู้เงินได้ระบุที่สวนของจำเลยประกันเงินกู้  ดังนี้จำเลยจะมีที่ดินแปลงเดียวหรืออย่างไรไม่ทราบชัด  เห็นได้ว่าพยานไม่ได้เบิกความว่า  ได้ระบุที่พิพาทเป็นประกัน  ฉะนั้นจะชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะคดีเพราะคำพยานร่วมไม่ได้  ศาลต้องวินิจฉัยตามท้องสำนวนเท่าที่มีอยู่ว่า คู่กรณีฝ่ายใดควรชนะคดี
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยย่อมเป็นฝ่ายนำสืบก่อนเมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
                                    โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าโจทก์อยู่ในที่พิพาทโดยทางอาศัย จำเลยย่อมเป็นฝ่ายนำสืบก่อนเมื่อพยานร่วมเบิกความไม่สมจำเลย จำเลยก็ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิการจัดการแทนผู้เสียหาย: ข้อจำกัดสำหรับพี่เขยในคดีทำร้ายถึงตาย
                        
                        ในกรณีผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายนั้น  แม้บุคคลตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2) ระบุไว้ จะไม่มีตัวอยู่ก็ดี  พี่เขยของผู้เสียหายจะร้องขอเข้ามาขอให้ศาลสั่งให้เป็นผู้จัดการแทนผู้เสียหาย ไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 890/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจัดการแทนผู้เสียหายที่เสียชีวิต: ศาลไม่อาจตั้งพี่เขยเป็นผู้จัดการแทนตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 5(2) หากไม่มีบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
                        
                        ในกรณีผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตายนั้น  แม้บุคคลตามที่  ป.ม.วิ.อาญามาตรา  5(2)  ระบุไว้  จะไม่มีตัวอยู่ก็ดี  พี่เขยของผู้เสียหายจะร้องขอเข้ามาขอให้ศาลสั่งให้เป็นผู้จัดการแทนผู้เสียหาย  ไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิของผู้ซื้อที่ดินจากการครอบครอง แม้สัญญาซื้อขายไม่สมบูรณ์
                        
                        ซื้อขายที่ดินกันโดยทำหนังสือกันเอง ไม่ถูกแบบ ซึ่งไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายนั้น เมื่อผู้ขายสละสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นให้ผู้ซื้อแล้ว พอผู้ซื้อเข้าไปถากถางที่ก็มีผู้อื่นเข้ามาขัดขวาง  ดังนี้ ผู้ซื้อย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ห้ามผู้นั้นมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่นั้นได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิของผู้ซื้อที่ดินแม้สัญญาไม่สมบูรณ์ หากผู้ขายสละการครอบครองและถูกขัดขวางการเข้าใช้
                        
                        ซื้อขายที่ดินกันโดยทำหนังสือกันเอง  ไม่ถูกแบบ  ซึ่งไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายนั้น  เมื่อผู้ขายสละสิทธิครอบครองในที่ดินนั้นให้ผู้ซื้อแล้ว  พอผู้ซื้อเข้าไปถากถางที่  ก็มีผู้อื่นเข้ามาขัดขวาง  ดังนี้  ผุ้ซื้อย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้ห้ามผู้นั้นมิให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับที่นั้นได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าเพื่ออยู่อาศัย แม้มีการค้าประกอบ ก็ยังอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
                        
                        เมื่อผู้เช่าใช้สถานที่เช่าเพื่อประโยชน์ในทางอยู่อาศัยแล้ว  แม้หากจะมีการค้าด้วยสถานทีเช่าเช่นนี้  ก็คงเป็นเคหะตาม  พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า  ฯลฯ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความขัดแย้งของวันเกิดเหตุในฟ้องและหลักฐาน ทำให้ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
                        
                        เอกสารที่โจทก์ส่งติดมาพร้อมกับฟ้องนั้น เป็นส่วนหนึ่งของฟ้องหมดทั้งฉบับ
ฟ้องหาว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชันสูตรบาดแผลที่โจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเองฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
                                    ฟ้องหาว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชันสูตรบาดแผลที่โจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเองฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เอกสารประกอบฟ้องขัดแย้งกับข้อกล่าวหา ศาลยกฟ้อง แม้จำเลยรับสารภาพ
                        
                        เอกสารที่โจทก์ส่งติดมาพร้อมกับฟ้องนั้น  เป็นส่วนหนึ่งของฟ้องหมดทั้งฉะนั้น
ฟ้องหาว่า
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชัณสูตรบาดแผลทีโจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเอง ฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
                                    ฟ้องหาว่า
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเมื่อวันที่ 8 แต่ตามรายงานชัณสูตรบาดแผลทีโจทก์ส่งพร้อมกับฟ้องปรากฏว่า ผู้บาดเจ็บมีบาดแผลวันที่ 5 ดังนี้ย่อมขัดกันเอง ฟังไม่ได้ว่า จำเลยทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง