พบผลลัพธ์ทั้งหมด 787 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การลงโทษอาญา: ศาลลงโทษเฉพาะความผิดฐานบุกรุก แม้จะมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ด้วย ก็ไม่ถือว่าลงโทษควบกัน จึงไม่สามารถกักกันได้
                        
                        คดีที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์  แต่ให้ลงโทษฐานบุกรุกซึ่งเป็นบทหนักมาตราเดียวกัน  จะถือว่าเป็นการลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ควบไปด้วยไม่ได้  จึงยังถือไม่ได้ว่า  จำเลยได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41  ที่จะกักกันจำเลยได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ ศาลลงโทษเฉพาะความผิดฐานบุกรุก จึงไม่ถือว่าลงโทษความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ควบไปด้วย
                        
                        คดีที่ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานบุกรุกและพยายามลักทรัพย์ แต่ให้ลงโทษฐานบุกรุกซึ่งเป็นบทหนักมาตราเดียวนั้นจะถือว่าเป็นการลงโทษฐานพยายามลักทรัพย์ควบไปด้วยไม่ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ถูกศาลพิพากษาลงโทษในความผิดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 41 ที่จะกักกันจำเลยได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1777/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฟ้องซ้ำ: การนำความผิดทำร้ายร่างกายที่ศาลทหารตัดสินแล้ว มาเป็นองค์ความผิดในคดีบุกรุกต่อศาลอาญา
                        
                        จำเลยถูกฟ้องยังศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายและศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ต่อมาอัยการยังฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายอีก โดยเอาการทำร้ายร่างกายครั้งเดียวกันนั่นเองมาเป็นองค์ความผิดของคดีหลังนี้ด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจฟ้องคดีบุกรุกสาธารณสมบัติของเทศบาล: นายกเทศมนตรีฟ้องแทนเทศบาลได้
                        
                        บุคคลในตำแหน่งนายกเทศมนตรีย่อมมีอำนาจฟ้องในนามของเทศบาลได้
ฟ้องโจทก์ขึ้นต้นว่า "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล โดยนายเขตต์ ฉัตรศิริ โจทก์" นั้นหมายความว่าฟ้องในนามของเทศบาลไม่ใช่ฟ้องเป็นส่วนตัว
เทศบาลที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ย่อมหมายรวมถึงให้มีอำนาจฟ้องร้องคดีผู้ที่บุกรุกที่ดินนั้นด้วย
                                    ฟ้องโจทก์ขึ้นต้นว่า "นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสตูล โดยนายเขตต์ ฉัตรศิริ โจทก์" นั้นหมายความว่าฟ้องในนามของเทศบาลไม่ใช่ฟ้องเป็นส่วนตัว
เทศบาลที่ได้รับมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ดูแลรักษาดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดิน ซึ่งเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ในเขตเทศบาลนั้น ย่อมหมายรวมถึงให้มีอำนาจฟ้องร้องคดีผู้ที่บุกรุกที่ดินนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิทำประโยชน์ในที่ดินที่ยังไม่ได้ทำประโยชน์: การบุกรุกถือเป็นการละเมิดสิทธิ แม้ยังไม่มีกรรมสิทธิ์
                        
                        จำเลยเข้าถากถางและปลูกพืชในที่ดินซึ่งโจทก์ได้ร้องขอจับจองและได้รับใบจองแล้ว  แม้โจทก์จะยังไม่ได้เข้าครอบครองและไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ตาม  การกระทำของจำเลยก็เป็นการละเมิดสิทธิในอันที่จะเข้าทำประโยชน์ในที่นั้นของโจทก์แล้ว  จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความผิดพยายามลักทรัพย์และบุกรุก: เลือกโทษฐานบุกรุกและไม่กักกันโทษแม้มีประวัติ
                        
                        ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335,80 และมีความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 364,365 แต่ให้ลงโทษฐานบุกรุกตาม มาตรา364,365 อันเป็นบทหนัก  จำคุก 6 เดือน  ดังนี้กรณีไม่เข้าเกณฑ์ตามมาตรา 41(8) แม้จำเลยจะเคยถูกศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำคุกฐานลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 6 เดือนมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง  ก็จะกักกันจำเลยมิได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายแล้ว
                        
                        กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้นเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความอาญา มาตรา 39(4)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาในความผิดอื่นแล้ว
                        
                        กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้น  เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว  สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1898/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การบุกรุกที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
                        
                        ความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 362 นั้น  ไม่ได้กินความถึงการบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณาสมบัติของแผ่นดิน
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1763/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            เจตนาสำคัญในการบุกรุกทำลายทรัพย์สิน: การกระทำโดยสุจริตเชื่อว่าทรัพย์สินเป็นของผู้อื่น ทำให้ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
                        
                        เรือนพิพาทจะเป็นของโจทก์หรือไม่ก็ตาม  แต่บุตรเขยโจทก์ยินยอมให้รื้อเรือนนี้  และบุตรเขยโจทก์ก็ได้มาอยู่จัดการรื้อเรือนด้วย  จำเลยจึงรื้อ  แสดงว่าจำเลยคิดว่าเรือนเป็นของบุตรเขยโจทก์  การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 358, 362 เพราะขาดเจตนาตามมาตรา 59  วรรค 3